“ท้องร่วงจากการใช้ยาปฏิชีวนะ”
ยาปฏิชีวนะ หรือยาฆ่าเชื้อ ยาสารพัดประโยชน์ที่หลายคนมีไว้ติดบ้านและพกไว้ระหว่างการเดินทาง แต่ทราบหรือไม่ว่า “อาการท้องร่วง” เป็นผลข้างเคียงตามปกติจากการใช้ยาปฏิชีวนะ
.
“อาการท้องร่วง” เป็นผลข้างเคียงตามปกติจากการใช้ยาปฏิชีวนะไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ เพราะยาเหล่านี้ไม่เพียงทำลายเชื้อโรค แต่ยังทำลายโปรไบโอติกแบคทีเรีย แบคทีเรียที่มีประโยชน์ ซึ่งช่วยดูแลการขับถ่ายให้เป็นปกติ เมื่อโปรไบโอติกแบคทีเรียถูกทำลาย ผลที่ตามมาก็คือจุลินทรีย์ที่เป็นต้นเหตุของอาการท้องร่วงซึ่งปกติถูกควบคุมไม่ให้แพร่ระบาดได้จากโปรไบโอติก ก็จะเจริญเติบโตและแพร่ระบาดจนอยู่ในระดับที่เป็นอันตราย
.
จริงๆ ปัญหาท้องร่วงนี้ก็จัดอยู่ในระดับก่อความรำคาญเท่านั้น เพราะ ผู้ป่วยสามารถหาซื้อยาจากร้านขายยาเพื่อบรรเทาด้วยตนเองได้ แต่โรคนี้จะอยู่ในระดับอันตรายทันที หากผู้ป่วยทานยาปฏิชีวนะติดต่อกันเป็นเวลานาน มีเชื้อโรคที่ชื่อ “คลอสตริเดียม ดิฟฟิไซล์” ที่อาจแพร่ระบาดได้จากการใช้ยาปฏิชีวนะ และเป็นสาเหตุให้อาการทรุดหนักลง อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้
.
โรคท้องร่วงจากคลอสตริเดียม ดิฟฟิไซล์ มักเกิดการติดเชื้อจากโรงพยาบาล โดยอาจแพร่จากผู้ป่วยหนึ่งไปยังผู้ป่วยหนึ่ง ซึ่งเกิดจากความต้านทานของผู้ป่วยลดลงจากการใช้ยาปฏิชีวนะ ผู้ป่วยอาจติดเชื้อได้จากการใช้ห้องส้วมร่วมกัน หรือบุคลากรทางการแพทย์ที่สัมผัสผู้ป่วยหลายคนติดต่อกันก็เป็นสาเหตุได้
.
วิธีป้องกันโรคท้องร่วงจากการใช้ยาปฏิชีวนะที่ดีวิธีหนึ่งคือ หลังจากทานยาปฏิชีวนะจนหมดคอร์สตามคำแนะนำของแพทย์แล้ว ให้ทานโปรไบโอติกเสริมเข้าไปทันที มีบทความชิ้นหนึ่งจากวารสาร American Journal of Gastroenterology ปี 2006 การศึกษากว่า 20 การศึกษา แสดงให้เห็นว่าโปรไบโอติกหลายชนิด เมื่อผสมรวมกันแล้ว สามารถลดอาการท้องร่วงที่เกิดจากยาปฏิชีวนะได้ชัดเจน
.
ดังนั้นการทานโปรไบโอติกเป็นประจำจึงช่วยป้องกันและบำบัดอาการท้องร่วงได้
.
อ้างอิงข้อมูลจาก : The Probiotic Revolution by Gary B. Huffnagle, Ph.D.
ด้วยความปรารถนาดี
Interpharma Thailand