เลือกน้ำมันโอเมก้า 3 ในแบบที่ใช่ - Interpharma Group

เลือกน้ำมันโอเมก้า 3 ในแบบที่ใช่

เลือกน้ำมันโอเมก้า 3 ในแบบที่ใช่

ในการจัดอันดับอาหารเสริมที่ขายดีที่สุดตลอดกาล ไม่ว่าจะกี่ครั้งก็จะมีน้ำมันโอเมก้า 3 ติดอันดับมาด้วยเสมอ เพราะมีประโยชน์ต่อทุกระบบในร่างกาย เช่น ลดระดับไตรกลีเซอไลด์, ช่วยเพิ่มไขมันดี (HDL) ในกระแสเลือด, ซ่อมแซมเซลล์ที่สึกหรอด้วยการเป็นส่วนประกอบของเยื่อหุ้มเซลล์, บรรเทาและป้องกันโรคข้อเสื่อม, เพิ่มการไหลเวียนของระบบโลหิต ฯลฯ

.

ซึ่งในปัจจุบันผลิตภัณฑ์น้ำมันโอเมก้า 3  มีการสกัดจากหลายๆ แหล่ง เช่น น้ำมันปลา, น้ำมันงาและธัญพืชต่างๆ, น้ำมันอะโวคาโด และที่ใหม่ล่าสุดในปัจจุบัน คือน้ำมันคริลล์ซึ่งวันนี้เราจะมาพูดถึงเคล็ดลับการเลือกน้ำมันโอเมก้า 3 ว่าจะเลือกยังไงให้ดีที่สุด

.

1. “กลิ่นในการสกัดน้ำมันโอเมก้า 3 จากวัตถุดิบ สิ่งหนึ่งที่จะตามมาด้วย ก็คือกลิ่นจากวัตถุดิบน้ำมันปลาก็จะมีกลิ่นคาวปลา, น้ำมันงาก็จะมีกลิ่นงา, น้ำมันอะโวคาโดก็มีกลิ่นอะโวคาโด ซึ่งอาจส่งผลต่อบุคลิกภาพได้ โดยเฉพาะน้ำมันปลาที่ทำให้ลมหายใจและกลิ่นตัวติดกลิ่นคาวปลาเหมือนอยู่ในตลาด ตัวเลือกที่ดีที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงกลิ่นก็คือน้ำมันคริลล์ (Krill Oil)” เพราะไม่ทำให้เกิดกลิ่นใดๆ แม้จะทานต่อเนื่องเป็นเวลานาน

.

2. การปนเปื้อนของสารเคมี อีกปัญหาหนึ่งที่กำลังเป็นประเด็นถกเถียงกันในปัจจุบัน โดยเฉพาะน้ำมันปลา ก็คือ เรื่องการปนเปื้อนสารเคมีประเภทโลหะหนัก เพราะน้ำมันปลาสกัดจากปลาทะเลที่ว่ายในระดับน้ำลึกปานกลาง ซึ่งอาจปนเปื้อนสารเคมีที่รั่วไหลจากเรือบรรทุกสินค้าได้ และมีจากการสุ่มตรวจก็มีการตรวจพบเป็นประจำจริงๆ ในขณะเดียวกันน้ำมันคริลล์ (Krill Oil)” สกัดจากคริลล์ สิ่งมีชีวิตใต้ทะเลลึก ซึ่งไม่มีการปนเปื้อนของสารเคมี จึงปลอดภัยกว่า

.

3. รูปแบบโมเลกุลของน้ำมัน มีผลต่อการดูดซึมเข้าสู่เซลล์ เป็นเรื่องสำคัญในการเลือกอาหารเสริม เพราะน้ำมันโมเลกุลแบบน้ำมันปลามีโมเลกุลใหญ่ ทำให้ดูดซึมเข้าสู่เซลล์ได้น้อย ปัจจุบันจึงมีการแนะนำให้กินน้ำมันคริลล์ (Krill Oil) มากกว่า เพราะมีโครงสร้างน้ำมันแบบฟอสโฟลิปิด (Phospholipid) ซึ่งเป็นโครงสร้างเดียวกับเยื่อหุ้มเซลล์

.

4. ประโยชน์อื่นๆ ที่ได้จากวัตถุดิบ เพราะการสกัดสารอาหารจะออกมาพร้อมๆ กัน เราจึงสามารถคำนึงถึงสารอาหารอื่นๆ ที่ได้จากวัตถุดิบด้วย เช่น น้ำมันงาดำจะได้สารเซซามิน เป็นต้น ในส่วนนี้ผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่น คือ น้ำมันคริลล์ (Krill Oil) เพราะนอกจากจะได้น้ำมันโอเมก้า 3 คุณภาพสูงแล้ว ยังมีสารแอสต้าแซนทีนที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าวิตามินซี 6,000 เท่าอีกด้วย

.

จากข้อสรุปทั้งหมดจะสรุปได้ว่า ตัวเลือกของน้ำมันโอเมก้า 3 มีความหลากหลาย และเมื่อพิจารณาจากทุกข้อ น้ำมันโอเมก้า 3 ที่ดีที่สุดก็คือน้ำมันคริลล์ (Krill Oil)” ซึ่งปัจจุบันก็มีวางจำหน่ายตามร้านขายยาทั่วไป และกำลังได้รับความนิยมแพร่หลายมากขึ้นเรื่อยๆ

.

ด้วยความปรารถนาดี

Interpharma Thailand