ทำไม “แคลเซียม” สำคัญกับคุณแม่ตั้งครรภ์
สำหรับคุณแม่แล้วระยะเวลา 9 เดือนของการตั้งครรภ์นั้นถือเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด เพราะในช่วง 9 เดือนนี้ คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์จะต้องพิถีพิถันเรื่องอาหารการกินและใส่ใจเรื่องสุขภาพทั้งกับตัวเอง และลูกน้อยที่กำลังเติบโตเป็นพิเศษ เพราะเมื่อคุณแม่รับประทานอะไรเข้าไป ลูกน้อยก็จะได้รับสารอาหารเหล่านั้นด้วย เพื่อลูกน้อยที่อยู่ในครรภ์จะได้มีพัฒนาการ การเจริญเติบโตที่ดี รวมถึงช่วยป้องกันความเสี่ยงทั้งหลาย
หนึ่งในสารอาหารที่สำคัญสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์อย่างมากนั่นคือ แคลเซียม เพราะในระหว่างตั้งครรภ์ อาจทำให้แคลเซียมที่คุณแม่ได้รับจากอาหารที่ทานในแต่ละวันอาจไม่เพียงพอ เพราะว่าในช่วงที่ตั้งครรภ์ร่างกายจะใช้แคลเซียมแบบหาร 2 แบ่งให้กับทั้งคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ การที่คุณแม่ได้รับประทานอาหารที่มีแคลเซียมอย่างเพียงพอนั้น ก็จะช่วยป้องกันภาวะความดันโลหิตสูง ลดการเกิดตะคริว ช่วยในการเสริมสร้างกระดูก และรักษาความหนาแน่นของกระดูก ป้องกันการสูญเสียมวลกระดูกให้คุณแม่ ทำให้กระดูกและฟันแข็งแรง ลดความเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุนในอนาคต และ ยังช่วยทำให้กระบวนการต่างๆ ในร่างกายทำงานได้อย่างปกติ เช่น ระบบของกล้ามเนื้อ ระบบภูมิคุ้มกัน ไปช่วยพัฒนาโครงสร้างร่างกาย โดยเฉพาะการสร้างกระดูก และฟันของลูกน้อยในครรภ์ ซึ่งในคนปกติแล้วใน 1 วัน ร่างกายเราจะดูดซึมแคลเซียมครั้งละ 500-600 มิลลิกรัม แต่ปริมาณแคลเซียมที่คุณแม่ต้องการนั้นสูงถึงวันละ 1,000-1,200 มิลลิกรัม ซึ่งแคลเซียมนั้นเป็นแร่ธาตุที่ร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้ แต่จะได้จากการรับประทานเท่านั้น ซึ่งอาหารที่อุดมไปด้วยแคลเซียม ได้แก่ นม แต่การดื่มวัวมากเกินไป ก็อาจจะทำให้ลูกน้อยมีโอกาสแพ้ได้ คุณแม่จึงควรดื่มนมที่หลากหลาย เช่น นมแพะ นมถั่วเหลือง และแคลเซียมจากแหล่งอื่นๆ เช่น โยเกิร์ต ชีส ปลาตัวเล็กตัวน้อย กุ้งฝอย ธัญพืช เป็นต้น หากปริมาณการรับประทานแคลเซียมไม่เพียงพอต่อวันการรับประทานอาการเสริมแคลเซียมก็สามารถช่วยได้ สำหรับการเลือกรับประทานวิตามินแคลเซียมเสริมควรทานคู่กับวิตามินดีจะทำให้กลไกในการดูดซึมในลำไส้ได้ดีมากขึ้น
ทำไมแคลเซียมจึงสำคัญกับคุณแม่ตั้งครรภ์และลูกน้อย
- แคลเซียม เป็นสารที่สามารถเสริมสร้างกระดูกให้กับลูกน้อยในครรภ์
- หากคุณแม่ตั้งครรภ์รับแคลเซียมจากอาหารไม่เพียงพอ ร่างกายจะสลายแคลเซียมจากกระดูกของคุณแม่ไปยังลูกน้อยแทน
- เมื่อเกิดการสลายกระดูก คุณแม่จะประสบภาวะกระดูกบาง มีโอกาสเกิดโรคกระดูกพรุน ความดันโลหิต มีอาการตะคริว และอาการต่าง ๆ ของกล้ามเนื้อ
- คุณแม่จะต้องรับประทานแคลเซียมให้ได้อย่างน้อย 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน ในขณะที่ปกติรับแคลเซียมน้อยเพียง 300 – 400 มิลลิกรัมต่อวันเท่านั้น
- การกินแคลเซียม ควรกินพร้อมมื้อหรือหลังอาหารทันที เพื่อประสิทธิภาพในการดูดซึมแล้วนำไปใช้ได้เลย
- คุณแม่ควรเลี่ยง ชา กาแฟ อาหารรสเค็ม อาหารที่มีความเป็นกรด หรือโปรตีนในปริมาณมาก เนื่องจากเป็นตัวขัดขวางการบวนการสลายแคลเซียม
- เด็กที่ได้รับแคลเซียมไม่เพียงพอ เมื่อเกิดและเติบโตจะมีภาวะเตี้ย แคระแกร็น
การรับประทานแคลเซียมให้มีประสิทธิภาพควรทานคู่กับวิตามินดี เนื่องจากหน้าที่หลักของวิตามินดี คือ ควบคุมสมดุลของระดับแคลเซียมในร่างกาย ช่วยในการดูดซึมแคลเซียมจากลำไส้ของเรา เพื่อให้เดินทางต่อไปสะสมที่กระดูกได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดการสลายแคลเซียมจากกระดูกออกมาใช้ ดังนั้นรับวิตามินดีไม่เพียงพอ จึงส่งผลให้มวลกระดูกลดลงจนนำไปสู่ภาวะกระดูกบางและกระดูกพรุนได้ และอาจเสี่ยงต่อกระดูกหักได้มากขึ้น แต่วิตามินดีไม่ได้เป็นสารที่ทำให้กระดูกแข็งแรงเท่านั้น แต่จากงานวิจัยระหว่างนักวิจัยมหาวิทยาลัย Turku ประเทศฟินแลนด์ และมหาวิทยาลัย Columbia นิวยอร์ก ค้นพบว่าวิตามินดีมีส่วนสำคัญเกี่ยวข้องต่อภาวะสมาธิสั้นในเด็ก โดยระบุว่าคุณแม่ที่ได้รับวิตามินดีไม่เพียงพอขณะตั้งครรภ์เสี่ยงที่เด็กจะเกิดภาวะสมาธิสั้น (ADHD) สูงกว่าคุณแม่ที่ได้รับวิตามินดีอย่างเพียงพออีกด้วย
วิธีการรับประทานแคลเซียมให้มีประสิทธิภาพควรทานคู่กับวิตามินดี เนื่องจากหน้าที่หลักของวิตามินดี คือ ควบคุมสมดุลของระดับแคลเซียมในร่างกาย ช่วยในการดูดซึมแคลเซียมจากลำไส้ของเรา เพื่อให้เดินทางต่อไปสะสมที่กระดูกได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดการสลายแคลเซียมจากกระดูกออกมาใช้ ดังนั้นรับวิตามินดีไม่เพียงพอ จึงส่งผลให้มวลกระดูกลดลงจนนำไปสู่ภาวะกระดูกบางและกระดูกพรุนได้ และอาจเสี่ยงต่อกระดูกหักได้มากขึ้น
“Calcium 600+D” ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมนำเข้าจากออสเตรเลีย ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก MEDSAFE ประเทศนิวซีแลนด์ TGA ออสเตรเลีย และองค์การอาหารและยา ประเทศไทย อุดมด้วยแคลเซียม 600 มิลลิกรัมต่อเม็ด และวิตามินดีในรูปแบบโคเลแคลซิเฟอรอล (Cholecalciferol) หรือวิตามินดี 3 (Vitamin D3) ช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมไปใช้ได้อย่างรวดเร็ว
📌 สนใจผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร “Calcium+600D” ในราคาเพียง 422.- (จากปกติ 530.-)
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือสามารถสั่งซื้อโดยตรงได้ 3 ช่องทาง ได้แก่
📱 Facebook : m.me/VitaHealthThailand
📱 Line@ : vitahealth | LINE Official Account หรือ @vitahealth
📱 Tel. : 094-9569536