คอลลาเจน คืออะไร? เลือกให้ถูกกับที่ร่างกายต้องการ
หากพูดถึงคอลลาเจน สำหรับสาวๆ ก็กลายเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในเรื่องคุณสมบัติที่ช่วยเรื่องความขาวกระจ่างใส ผิวพรรณกระชับเต่งตึง ไม่เหี่ยวย่น เป็นอันดับแรกๆ แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าคอลลาเจนยังช่วยเสริมสร้างและซ่อมแซมกระดูกอ่อน ทั้งยังช่วยลดความเสื่อมของไขข้อในผู้สูงอายุ และยังมีความพิเศษและประโยชน์อื่นอีกมากมายที่ซ่อนอยู่ ด้วยคุณประโยชน์มากมายนั่นเอง จึงมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารคอลลาเจนออกมาจำหน่ายอย่างแพร่หลายในวงกว้าง วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับคอลลาเจนแต่ละชนิด รวมทั้งประโยชน์ที่ได้จากคอลลาเจนประเภทนั้นๆ กัน
คอลลาเจน คืออะไร?
คอลลาเจน ( Collagen ) คือ เส้นใยโปรตีนชนิดหนึ่ง ที่ทำหน้าที่คล้ายกาวเกาะยึดส่วนต่างๆ ในร่างกาย เป็นองค์ประกอบหลักของผิวหนัง ขน เส้นผม กระดูกอ่อน ข้อต่อ หลอดเลือด กล้ามเนื้อ รวมถึงเนื้อเยื่อส่วนต่างๆ ทั่วร่างกาย ซึ่งร่างกายมนุษย์ทุกคนสามารถสร้างขึ้นเองได้ตามธรรมชาติ ซึ่งปกติคอลลาเจนที่ร่างกายได้รับมักมาจากการทาน โปรตีนจากเนื้อสัตว์ ปลา พืช หรือผลิตภัณฑ์จากนมเข้าไปย่อยสลายจนแตกตัวและก่อตัวขึ้นใหม่ กลายเป็นเส้นใยโปรตีนหรือคอลลาเจน ซึ่งทําหน้าที่เพิ่มความแข็งแรงและเพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่อวัยวะต่างๆ ภายในร่างกาย คอยช่วยให้ผิวหนังมีความชุ่มชื้น ยืดหยุ่น คงความกระชับ เต่งตึง เรียบเนียน และช่วยปกป้องความแข็งแรงให้กับกระดูกอ่อน โดยร่างกายจะสามารถผลิตคอลลาเจนได้มากในขณะที่เรามีอายุน้อย และจะลดปริมาณการผลิตคอลลาเจนลงเมื่ออายุมากขึ้น โดยเฉพาะคนที่มีอายุมากกว่า 30 ปี ขึ้นไปพบว่าการสังเคราะห์คอลลาเจนจะลดลงหรือในผู้ที่มีปัจจัยบางอย่างทำให้คอลลาเจนเสื่อมสภาพหรือถูกทำลายได้ง่าย
ชนิดของคอลลาเจน
คอลลาเจนเป็นเส้นใยโปรตีนประเภทหนึ่งที่เป็นส่วนประกอบราวร้อยละ 6 ของน้ำหนักตัว หรือคิดเป็น 1 ใน 3 ของโปรตีนทั้งหมดของร่างกาย เป็นส่วนประกอบสำคัญของโครงสร้างผิว กระดูกอ่อนและหลอดเลือด เป็นต้น ในปัจจุบันมีการค้นพบคอลลาเจนมากกว่า 18 ชนิด แต่คอลลาเจนที่พบมากที่สุด 5 ชนิดได้แก่
- คอลลาเจนประเภทที่ 1 (type I) ซึ่งพบมากถึง 90% ของคอลลาเจนทั้งหมดในร่างกาย ช่วยในการสร้างกระดูก ผนังหลอดเลือด เอ็นและเอ็นยึดกล้ามเนื้อ ผิวหนัง กระจกตา และเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน มีความเหนียวและแข็งแรงมากที่สุด มีความสำคัญในเรื่องของเพิ่มความยืดหยุ่น ป้องกันเนื้อเยื้อไม่ให้ฉีกขาด และช่วยสมานแผลบนผิวหนังได้ดี ด้วยเหตุนี้ผิวของผู้ที่มีคอลลาเจนอย่างเพียงพอจึงสวย เนียน ไร้ริ้วรอยนั่นเอง
- คอลลาเจนประเภทที่ 2 (type II) พบมากในกระดูกอ่อน เช่น ส่วนประกอบของหู จมูก หลอดลม และกระดูกซี่โครง ทำหน้าที่แตกต่างจากคอลลาเจน type I อย่างสิ้นเชิง โดยจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการสังเคราะห์ของเซลล์ให้มีจำนวนมากขึ้น เพื่อการลดอัตราการเสื่อมของกระดูกอ่อนบริเวณข้อต่อ ซึ่ง คอลลาเจนชนิดที่ 2 เป็นคอลลาเจน ที่พบได้ในกระดูกอ่อนและหมอนรองกระดูกสันหลัง ซึ่งทำหน้าที่รองรับน้ำหนักและให้ความแข็งแรงแก่ข้อต่อในขณะที่มีการเคลื่อนไหว โดยปกติแล้วในกระดูกอ่อนจะประกอบด้วยโครงข่ายของเส้นใยคอลลาเจนไทพ์ทู รวมตัวกับกรดไฮยาลูโรนิค (Hyaluronic acid) และโปรตีโอไกลแคน (Proteoglycan) ได้แก่ แอกกริแคน (Aggrecan) ซึ่งมีไกลโคอะมิโนไกลแคน (Glycoaminoglycans) คือคอนโดอิติน ซัลเฟต (Chondroitin Sulfate) และเคอราแทน ซัลเฟต (Keratan Sulfate) เป็นส่วนประกอบ การศึกษาพบว่าในผู้ที่น้ำหนักตัวมาก และผู้สูงอายุ กระดูกอ่อนชนิด Articular Cartilages ซึ่งมีความทนต่อแรงกระแทกจะเริ่มเสื่อมลงโดยเฉพาะที่ข้อต่อที่รับน้ำหนักเช่นข้อเข่าและสะโพก จึงมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับภาวะการเกิดข้อเสื่อม ข้ออักเสบ (Osteoarthritis)
- คอลลาเจนประเภทที่ 3 (type III) มักพบร่วมกับประเภทที่ 1 คือพบในผิว กล้ามเนื้อ และผนังหลอดเลือด และเนื้อเยื่อเกี่ยวพันในร่างกาย สามารถพบร่วมกับคอลลาเจนชนิดที่ 1 แต่พบได้น้อยกว่าประมาณ 10 % โดยส่วนใหญ่มักพบในผนังหลอดเลือด แต่พบได้น้อยในข้อต่อต่าง ๆ ซึ่งแตกต่างจากคอลลาเจนชนิดที่ 2
- คอลลาเจนประเภทที่ 4 (type IV) พบใน basal lamina และ basement membrane ในส่วนของ epithelium-secreted layer เป็นคอลลาเจนที่มีลักษณะเฉพาะตัว พบมากบริเวณเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่หุ้มกล้ามเนื้อและไขมันนอกจากนี้ ยังมีส่วนช่วยในเรื่องการทำงานของระบบประสาทและเส้นเลือดอีกด้วย
- คอลลาเจนประเภทที่ 5 (type V) เป็นคอลลาเจนที่เป็นองค์ประกอบของเยื่อบุเซลล์ต่าง ๆ พบในผิวของเซลล์ และเส้นผม
Hydrolyzed Collagen คืออะไร
ไฮโดรไลซ์ คอลลาเจน (Hydrolyzed Collagen) คือ คอลลาเจนที่ผ่านกระบวนการย่อยบางส่วนแล้ว เป็นขบวนการทางวิทยาศาสตร์ เพื่อให้ได้คอลลาเจนที่มีขนาดและความยาวสั้นลงนั่นเอง เป็นคอลลาเจนที่ผ่านการย่อยด้วยกรดจนได้ขนาดอนุภาคที่เล็กที่สุด ที่ยังคงแสดงคุณสมบัติของความเป็นคอลลาเจน ซึ่งขนาดยิ่งเล็กเท่าใดจะบ่งบอกถึงประสิทธิภาพในการดูดซึมที่ดียิ่งขึ้น ดูดซึมได้ดีกว่าคอลลาเจนทั่วไป 3-4 เท่า คอลลาเจนไตรเปปไทด์ที่สกัดจากปลาทะเลน้ำลึกมีลักษณะคล้ายโครงสร้างคอลลาเจนของผิวคน นอกจากนี้ร่างกายจะดูดซึมคอลลาเจนจากกระเพาะอาหารได้ดีกว่าทางผิวหนัง ทำให้การเติมคอลลาเจนให้แก่ผิวด้วยการรับประทานสารสกัดคอลลาเจนอย่างต่อเนื่อง จะช่วยเสริมสร้างเนื้อเยื่อคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ให้เติมเต็มริ้วรอยและลดความเหี่ยวย่นของผิวอย่างได้ผล สามารถดูดซึมและถูกนำไปใช้เป็นส่วนประกอบของการสร้างผม ผิวหนัง เล็บ และกระดูกได้ง่าย ทำ HACP นี้จะช่วยให้โครงสร้างของร่างกายแข็งแรง ป้องกันอวัยวะต่างๆในร่างกาย และเชื่อมอวัยวะต่างๆให้อยู่ด้วยกัน ทำให้มีความยืดหยุ่นดี ช่วยให้ผิวหนังหรือผิวพรรณเกิดความชุ่มชื้น นุ่มนวล ดูสดใส กระชับและเต่งตึงขึ้นให้ผิวมีความชุ่มชื่น นุ่มเนียนขึ้น แลดูอ่อนเยาว์ไปหลายปี
อัตรากดเสื่อมของคอลลาเจน
อัตราการลดลงของคอลลาเจนในผิวหนังนั้นจะมีผลให้ผิวพรรณค่อยๆ สูญเสียความชุ่มชื้นยุบตัวลงผิวที่เคยสวยเต่งตึงก็จะเกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นและสัญญาณของความร่วงโรยจะ ค่อยๆ เริ่มขึ้นเมื่ออายุ 30 ปี ผิวจะเริ่มหย่อนคล้อยยิ่งอายุเพิ่มขึ้นสัญญาณของความร่วงโรยก็จะเพิ่มเป็นเงาตามตัว
อายุกับการเสื่อม
เมื่ออายุ 30-39 ปี ผิวจะเริ่มมีรอยย่นบางๆ ทอดยาวบริเวณหน้าผากมีริ้วรอยเล็กๆ ใต้ขอบตาล่างและหางตาจะเห็นชัดเวลายิ้มและมีรอยย่นตรงระหว่างคิ้ว ซึ่งจะเห็นชัดเวลาหน้านิ่ว มีริ้วรอยบางๆ ที่ร่องแก้มจากจมูกจนถึงเหนือริมฝีปากอาจเกิดไฝ กระ ฝ้าทั้งแบบลึกและตื้น ขนาดของรูขุมขนจะเห็นชัดขึ้น
อายุ 40-49 ปี รอยย่นบริเวณหน้าผาก ระหว่างคิ้ว ใต้ขอบตาล่างและหางตา เห็นชัดเจนมากขึ้น รอยย่นข้างแก้มและร่องแก้มลึกทอดยาวไปจนจดมุมปาก มีฝ้าชนิดลึกมากขึ้นสภาพผิวเริ่มแห้งมีรูขุมขนใหญ่และเริ่มจะเป็นสิวอีกครั้ง มีติ่งเนื้อขึ้นกระจัดกระจายเป็นตุ่มเล็กๆ สีน้ำตาลภาวะนี้เรียกว่าวัยเริ่มตกกระ
อายุ 50-64 ปี ผิวจะมีสภาพเหมือนกับวัย 40-49 ปี แต่จะมีรอยย่นตามร่องแก้มลึกทอดยาวไปจนถึงบริเวณใต้มุมปากมีฝ้าเกิดขึ้นและติ่งเนื้อมีขนาดใหญ่ขึ้น เพราะคอลลาเจนจะเริ่มเสื่อมลงอย่างมาก
อายุ 65 ปี ขึ้นไป ผิวหนังหยาบกร้าน มีริ้วรอยทั่วหน้าริมฝีปากบ้างมีรอยย่นเหนือริมฝีปากส่วนการเปลี่ยนแปลงอื่นๆ คล้ายกับวัย 50-64 ปี ดังนั้น จึงถือว่าเป็นเรื่องของธรรมชาติที่ต้องเกิดขึ้นกับทุกคนโดยที่เราไม่สามารถหยุดยั้งได้แต่เราสามารถช่วยชะลอความเสื่อมของผิวพรรณและรักษาผิวไว้ให้ดูดีให้นานที่สุดได้เช่นเดียวกันโดยการใช้สารสกัดโปรตีนคอลลาเจนเพื่อทดแทนคอลลาเจนที่สูญเสียไป
การทานอาหารเสริมคอลลาเจนนั้นสำคัญอย่างไร
จะเห็นได้ว่าคอลลาเจนมีบทบาทสำคัญในการเป็นสารตั้งต้นของส่วนต่างๆในร่างกายของเรา โดยทั่วไป แล้วร่างกายสามารถสร้างคอลลาเจนขึ้นเองได้ แต่เมื่อเราอายุมากขึ้น อัตราการสังเคราะห์คอลลาเจนของเรากลับลดลง การมองหาตัวช่วยเสริมปริมาณคอลลาเจนจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยให้ผิวพรรณของเราเต่งตึงไม่เหี่ยวย่น รวมถึงลดการเสื่อมของไขข้อเมื่อเราอายุมากขึ้น โดยปริมาณคอลลาเจนที่ควรรับประทานในแต่ละวันเหมาะสำหรับคนที่ไม่เคยมีประวัติการแพ้อาหารทะเล หรือไม่เคยแพ้สารสกัดจากปลามาก่อน โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหาร และยาของประเทศไทย ได้ประกาศออกมาว่าไม่ควรรับประทานคอลลาเจนเกิน 10 กรัมต่อวัน แต่สำหรับการรับประทานในชีวิตปกติประจำวันแล้ว การบริโภคคอลลาเจนเพียง 2.5-5 กรัมต่อวัน ก็ถือว่าเพียงพอแล้วสำหรับการดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย เพื่อเสริมสร้างผิวพรรณที่สวยงามและร่างกายที่แข็งแรง โดยไม่เป็นอันตรายใดๆ ต่อร่างกาย